เกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ [Zone 3]

321 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ [Zone 3]

ฐานการปลูกข้าว


    คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมดเพื่อการปลูกข้าวไว้สำหรับบริโภคให้พอเพียงตลอดทั้งปี พระองค์ทรงคำนวณว่า คนไทยกินข้าวเฉลี่ยคนละ 200 กิโลกรัมต่อปี หากครอบครัวหนึ่งมีสมาชิก 5-6 คน จะกินข้าวประมาณ 1,200 กิโลกรัมต่อปี ดังนั้นควรต้องผลิตข้าวเปลือกประมาณ 1,462.5 กิโลกรัมต่อปี ดังนั้นพื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 3 ไร่ หากมีการปลูกข้าวพันธุ์ดี พื้นที่นามีความอุดมสมบูรณ์สูงและมีเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมแล้ว ครอบครัวเกษตรกรก็จะมีข้าวเพียงพอแก่การบริโภคตลอดทั้งปี หากพื้นที่มีน้ำใช้เพื่อการเกษตรอย่างดีก็จะสามารถผลิตข้าวได้ 2 รอบต่อปี เกษตรกรก็จะมีข้าวเหลือเพื่อการแบ่งไปไว้เลี้ยงสัตว์ อื่น ๆ หรือเพื่อขายเป็นรายได้เสริมแก่ครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง

อย่างไรก็ตามหากพื้นที่นาของเกษตรกรอยู่ในเขตชลประทานที่มีปริมาณน้ำพอเพียงก็สามารถทำนาได้ปีละ 2 ครั้ง แต่พื้นที่ ที่อาศัยน้ำฝน ควรทำนาเฉพาะช่วงฤดูฝนเท่านั้น

วิดีโอเรื่อง ภูมิปัญญาการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวแบบล้านนา

 

การผลิตข้าวอินทรีย์


    การผลิตข้าวอินทรีย์ เป็นระบบการผลิตข้าวที่ไม่ใช้ สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิดในทุกขั้นตอนการผลิต เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและเป็นการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืนอีกด้วย
    การผลิตข้าวอินทรีย์มีขั้นตอนการปฏิบัติ เช่นเดียวกับการผลิตข้าวโดยทั่วไปจะแตกต่างกันที่ต้องหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ในทุกขั้นตอนการผลิตจึงมีข้อควรปฏิบัติดังนี้

1. การเลือกพื้นที่ปลูก
เลือกพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ติดต่อกัน และมีความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยธรรมชาติค่อนข้างสูงประกอบด้วย ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของข้าวอย่างเพียงพอ มีแหล่งน้ำสำหรับการเพาะปลูก ไม่ควรเป็นพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมีในปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานานหรือมีการปนเปื้อนของสารเคมีสูง และห่างจากพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมีการเกษตร

2. การเลือกใช้พันธุ์ข้าว
ใช้เมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ มีความบริสุทธิ์ ตรงตามพันธุ์ ไม่มีสิ่งเจือปน มีคุณภาพตามมาตรฐานความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 98% ความงอกไม่น้อยกว่า 80% พันธุ์อื่นปนไม่เกิน 0.2%

3. การเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าว
การเลือกใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ได้มาตรฐาน ผลิตจากแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการดูแลอย่างดี มีความงอกดี ผ่านการเก็บรักษาโดยไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ ปราศจากโรค แมลงและเมล็ดวัชพืช


4. การเตรียมดิน
การเตรียมดินมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างสภาพที่เหมาะสมต่อการปลูกและการเจริญเติบโตของข้าว ช่วยควบคุมวัชพืช โรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวบางชนิด การเตรียมดินมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคุณสมบัติดิน สภาพแวดล้อมในแปลงนาก่อนปลูกและวิธีการ ปลูก โดยไถดะ ไถแปร คราด และทำเทือก

5. วิธีปลูก
การปลูกข้าวแบบปักดำจะเหมาะสมที่สุดกับการผลิตข้าว เพราะการเตรียมดิน ทำเทือก การควบคุม ระดับน้ำในนาจะช่วยลดปริมาณวัชพืชได้และการปลูกกล้าข้าวลงดินจะช่วยให้ข้าวสามารถแข่งขันกับวัชพืช ได้ ต้นกล้าที่ใช้ปักดำควรมีอายุประมาณ 30 วัน เลือกต้นกล้าที่เจริญเติบโตแข็งแรงดี ปราศจากโรคและแมลงทำลาย



6. การจัดการความอุดมสมบูรณ์ของดิน
เนื่องจากการปลูกข้าวอินทรีย์ต้องหลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยเคมี โดยใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักแทน ในช่วงการเตรียมดินอัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ และช่วงระยะแตกกออัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งเหมาะสมกับการปลูกข้าวอินทรีย์

7. ระบบการปลูกพืช
ใช้ระบบการปลูกพืชหมุนเวียนโดยการปลูกข้าวสลับกับพืชตระกูลถั่ว หรือปอเทือง เพื่อลดการเกิดโรคและแมลงศัตรูพืช อีกทั้งยังลดการเกิดวัชพืชในนาข้าวได้อีกด้วย

8. การควบคุมวัชพืช
ให้ควบคุมวัชพืชโดยวิธีกล เช่น การเตรียมดินที่เหมาะสม วิธีการทำนาที่ลดปัญหาวัชพืช การใช้ระดับน้ำควบคุมวัชพืช การใช้วัสดุคลุมดิน การถอนด้วยมือ วิธีเขตกรรมต่าง ๆ การใช้เครื่องมือ รวมทั้งการปลูกพืชหมุนเวียน เป็นต้น

9. การป้องกันกำจัดโรค แมลง และสัตว์ศัตรูพืช
- ใช้สารป้องกันแมลงศัตรูพืชที่ผลิตจากสารเร่ง พด.7 ที่เจือจางแล้วอัตรา 50 ลิตรต่อไร่ สำหรับใช้ในพืชไร่ พืชผัก และไม้ดอก เพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืช เช่น เพลี้ยต่างๆ หนอนเจาะผลและลำต้น หนอนใยผัก หนอนชอนใบ หนอนคืบ หนอนกระทู้ หนอนกอ ไรแดง และแมลงหวี่ เป็นต้น

- ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาชนิดสดในรูปน้ำสามารถใช้เชื้อสดผสมน้ำในอัตรา 100 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร กรองน้ำเชื้อด้วยผ้าหรือกระชอนตาถี่จะได้เชื้อชนิดน้ำสำหรับ ใช้พ่น ราด รดลงดิน หรือพ่นส่วนบนของต้นพืช

10. การจัดการน้ำ
การจัดการน้ำ ระดับน้ำมีความสัมพันธ์กับการเจริญเติบโตทางลำต้นและการให้ผลผลิตของข้าวโดยตรง ในระยะปักดำจนถึงแตกกอ ควรรักษาระดับน้ำให้อยู่ที่ประมาณ 5 เซนติเมตร จนถึงระยะก่อนเก็บเกี่ยว ประมาณ 7-10 วัน จึงระบายน้ำออกเพื่อให้ข้าวสุกแก่พร้อมกัน

11. การเก็บเกี่ยวการนวดและการลดความชื้น
เก็บเกี่ยวข้าวหลังจากออกดอก ประมาณ 28-30 วัน สังเกตจากเมล็ดในรวงข้าวสุกแก่เมล็ดเปลี่ยนเป็นสีฟาง เรียกว่า ระยะพลับพลึง



12. การเก็บรักษาข้าวเปลือก
ควรมีการลดความชื้นให้ต่ำกว่า 14 เปอร์เซ็นต์ แล้ว จึงนำเมล็ดข้าวไปเก็บรักษาในยุ้งฉางหรือใส่ในภาชนะที่มิดชิด

13. การสี
ควรแยกเครื่องสี ไม่ใช้เครื่องสีร่วมกับเครื่องสีข้าวปกติที่ไม่ใช่ข้าวอินทรีย์

14. การบรรจุหีบห่อเพื่อการค้า
ควรบรรจุข้าวกล้องหรือข้าวสารในถุงขนาดเล็กตั้งแต่ 1 กิโลกรัม ถึง 5 กิโลกรัม โดยบรรจุในสภาพสุญญากาศ

ข้อมูลการผลิตข้าวอินทรีย์โดย : อาจารย์ ดร.ธิดารัตน์ ศิริบูรณ์ คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้

 

วิดีโอการผลิตข้าวเหนียวพันธุ์ กข แม่โจ้ 2

 

  คลิกดูข้อมูลข้าวเหนียวหอมพันธุ์ กข-แม่โจ้ 2 เพิ่มเติม

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้