เกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
สืบเนื่องจากการที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ครั้นทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร ให้แก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2538 ทรงมีพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่ความตอนหนึ่งว่า “...ทุกวันนี้แม้ประเทศของเราจะพัฒนาด้านอุตสาหกรรมไปมากแล้วก็ตามแต่การเกษตรก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จะละเลยทอดทิ้งไม่ได้...ทฤษฎีใหม่เป็นวิธีปฏิบัติอีกแนวทางหนึ่ง ที่คิดค้นขึ้นสำหรับเกษตรกรที่มีที่ดินจำนวนน้อย..ฯลฯ” มหาวิทยาลัยแม่โจ้สนองพระบรมราโชวาท ได้ตั้งฐานเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2539 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกษตรกร นักเรียน นักศึกษาและประชาชนที่สนใจทั่วไป เข้ามาศึกษาดูงานและน้อมนำเอาแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ไปประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ตนเอง และแบ่งพื้นที่จำนวน 15 ไร่ ออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้ น้ำ 30% นาข้าว 30% ไม้ผล 30% และที่อยู่อาศัย 10% โดยมีกิจกรรมในแปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประกอบด้วย 9 กิจกรรมได้แก่ 1. กิจกรรมการปลูกพืชผัก 2. กิจกรรมการปลูกกล้วย 3. กิจกรรมการปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น 4. กิจกรรมการปลูกข้าว 5. กิจกรรมการผลิตปุ๋ยหมักและน้ำหมักชีวภาพ 6. กิจกรรมการเลี้ยงไก่พื้นเมือง 7. กิจกรรมการเลี้ยงสุกร แบบประยุกต์ 8. กิจกรรมการเลี้ยงปลาในกระชัง 9. กิจกรรมเกษตรกรรมสมัยใหม่
![](https://image.makewebeasy.net/makeweb/0/2u7HgRw4K/DefaultData/Banner_พระบรมราโชวาท.jpg?v=202305101549)
![](https://image.makewebeasy.net/makeweb/0/2u7HgRw4K/DefaultData/Banner_พระบรมราโชวาท2.jpg?v=202305101549)
กษัตริย์เกษตร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช องค์พระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนัก โดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยยากของพระองค์เอง อันเป็นที่ประจักษ์แก่ปวงพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด ทรงมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ในด้านทรัพยากรธรรมชาติดิน น้ำ ป่า สิ่งแวดล้อม และพลังงาน เพื่อประโยชน์ของภาคการเกษตรไทยซึ่งเป็นอาชีพหลักของพสกนิกรชาวไทยมาตั้งแต่ในอดีต
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ก่อตั้งเมื่อปีพุทธศักราช 2477 ถือเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีรากฐานทางการเกษตรที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณสนองงานด้านต่างๆ นับตั้งแต่ครั้งแรกที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จมายังแม่โจ้ และได้สนองงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โครงการหลวง และโครงการในพระองค์อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะด้านการเกษตร สืบเนื่องเรือยมาดังนี้
เสด็จพระราชดำเนินมาแม่โจ้เป็นครั้งแรก
นับตั้งแต่องค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย (อกท.) ได้เริ่มก่อตั้งเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปีพุทธศักราช 2504 ที่วิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ และได้เจริญรุดหน้าเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการของ อกท. หน่วยแม่โจ้ ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ณ สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2515 ซึ่งได้รับความสนพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2516 นับเป็นวันมหามงคลยิ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรกิจกรรม อกท. หน่วยแม่โจ้ ทรงมีพระราชดำรัสแก่นักศึกษาและคณาจารย์เป็นครั้งแรกที่แม่โจ้ โดยมีอาจารย์วิภาต บุญศรี วังซ้าย นำคณะนักศึกษาเฝ้ารับเสด็จ ด้วยความปลื้มปิติ จึงถือเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชาวแม่โจ้
ทรงประกาศเกษตรทฤษฎีใหม่ที่แม่โจ้
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2538 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงประกาศเกษตรทฤษฎีใหม่ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตแม่โจ้ ณ อาคารแผ่พืชน์ สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ ความว่า “...ทฤษฎีใหม่เป็นวิธีปฏิบัติการเกษตรอีกแนวทางหนึ่งสำหรับเกษตรกรที่มีที่ดินจำนวนน้อย มีหลักสำคัญอยู่ว่า แต่ละแปลงจะแบ่งออกเป็นส่วน สมมติว่าแปลงหนึ่งมี 15 ไร่ จะปลูกข้าว 5 ไร่ ปลูกไม้ผล พืชไร่ และพืชผัก สวนครัว 5 ไร่ ขุดสระน้ำ 3 ไร่ ปลูกที่อยู่อาศัยและ อื่นๆ อีก 2 ไร่ วิธีนี้ได้ทดลองปฏิบัติขั้นแรกมานานพอสมควร และได้ผลดีที่น่าพอใจระดับหนึ่ง ในขั้นที่สองก็จะต้องรวมกันในรูปกลุ่มหรือสหกรณ์ ด้วยความร่วมมือของหน่วยราชการ มูลนิธิและเอกชน เพื่อช่วยเหลือในด้านการผลิต การตลาด และในขั้นที่สามจะต้องร่วมมือกับสถาบันการเงินและการพลังงาน เพื่อช่วยเหลือด้านการจัดตั้งและบริหารโรงสีร้านสหกรณ์ รวมทั้งสนับสนุนการลงทุน...” มหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้สนองพระบรมราโชวาทจึงได้ตั้งฐานเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ฯ ขึ้น และดำเนินการ เผยแพร่องค์ความรู้เรื่อยมา
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กับ โครงการหลวง ในปี 2512 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดฯ ให้คณาจารย์จาก 3 สถาบันการศึกษา ซึ่งรวมถึงคณาจารย์จากวิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้) ออกไปส่งเสริมอาชีพชาวเขาหมู่บ้านต่างๆ ในถิ่นทุรกันดารหลายแห่ง เรียกชื่อในสมัยนั้นว่า โครงการหลวงพัฒนาชาวเขา โดยแต่ละสถาบันต้องรับผิดชอบหมู่บ้านที่เข้าไปพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ ซึ่งอาจารย์จากแม่โจ้ก็ได้ผลัดเปลี่ยนกันออกไปปฏิบัติงานติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ จนถึงปัจจุบันมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ร่วมสนับสนุนงานวิจัยค้นคว้าร่วมกับมูลนิธิโครงการหลวงหลายส่วน และมีพื้นที่ดูแลรับผิดชอบงานส่งเสริม จำนวน 5 แห่ง นอกจากนั้นยังมีศิษย์แม่โจ้กระจายตัวถวายงานในศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ทั้ง 38 แห่ง ในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนืออีกด้วยถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวแม่โจ้ที่ได้ผลิตบัณฑิตคนเกษตรแม่โจ้ สนองงานในพระองค์ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง
โครงการปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ โครงการปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ ปี 2551 โดยมีพันธกิจตามมติคณะรัฐมนตรี คือ เพื่อเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 84 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อให้ประชาชนสามารถเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ตรงจากแนวทางโครงการพระราชดำริมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน พร้อมกับส่งเสริมการเรียนรู้ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อยกระดับฐานะความเป็นอยู่และส่งเสริมอาชีพประชาชนรวมทั้งส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และกระตุ้นจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และศิลปวัฒนธรรมไทย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้รับความไว้วางใจจากมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ ให้เป็นผู้ประสานงานและดำเนินโครงการปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ ในพื้นที่บ้านปาง หมู่ที่ 8 ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อดำเนินการขยายผลงานโครงการสู่ชุมชนและท้องถิ่นอย่างกว้างขวางและเพื่อความอยู่ดีมีสุข ของประชาชนภายใต้หลักการดำเนินงาน 6 มิติ คือ น้ำ ดิน ป่า เกษตร สิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน
โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จไปประทับที่วังไกลกังวล มีชาวบ้านนำหัวมันเทศซึ่งเป็นพืชที่ปลูกอยู่ในท้องถิ่นมาถวาย ครั้นต้องเสด็จกลับพระบรมมหาราชวังที่กรุงเทพฯ รับสั่งให้เจ้าหน้าที่นำหัวมันเทศนั้นไปวางบนตาชั่ง ในห้องทรงงาน และเมื่อเสด็จกลับมาที่หัวหินทรงพบว่า มันเทศหัวนั้นแตกใบออกมา พร้อมตรัสว่า
"มันอยู่ที่ไหนก็ขึ้น” จึงมีรับสั่งให้นำหัวมันเทศไปปลูกใส่กระถางไว้ในวังไกลกังวล แล้วจึงมีพระราชดำรัสให้ผู้เกี่ยวข้องจัดหาพื้นที่เพื่อทดลองปลูกมันเทศ ซึ่งเป็นพืชที่สามารถปลูกขึ้นได้ทุกที่แม้ว่าจะวางตั้งทิ้งไว้บนตาชั่งนั่นเอง
ปัจจุบันพื้นที่โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริเป็นศูนย์การพัฒนาแหล่งรวมพันธุ์พืชและไม้ผลที่สำคัญ แหล่งเรียนรู้ด้านต่าง ๆ เรื่องการใช้กังหันลมเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อเป็นแหล่งพลังงานทดแทน การปลูกพืชเศรษฐกิจในท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมียางพารา ข้าว หน่อไม้ฝรั่ง และผักปลอดสารพิษกว่า 40 ชนิด ด้านปศุสัตว์ที่ทรงเลี้ยงโคนมและไก่ไข่ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ให้กับประชาชนแล้วยังเป็นแนวทางและเป็นแบบอย่างให้ผู้เข้ามาเยี่ยมชมโครงการนำความรู้ที่ได้ ไปประยุกต์พัฒนาคุณภาพชีวิตให้อยู่ดีกินดีได้ประโยชน์อย่างแท้จริง
โครงการพัฒนาบ้านโปงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ วันที่ 2 มีนาคม 2521 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมีพระราชกระแสรับสั่งให้มหาวิทยาลัยฯ หาลู่ทางเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาต้นน้ำห้วยแม่โจ้และพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อการเพาะปลูกในฤดูแล้งแก่ราษฎร ซึ่งมหาวิทยาลัยแม่โจ้ได้ดำเนินการสนองพระราชประสงค์ หลังจากนั้นพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยโจ้และโครงการพระราชดำริบ้านโปง อีกหลายครั้งโดยมีพระราชกระแสรับสั่งให้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ช่วยกันดูแลรักษาและให้ปลูกไม้โตเร็วเพิ่มเติม ดังนั้น มหาวิทยาลัยแม่โจ้จึงได้ริเริ่มโครงการอนุรักษ์ศึกษาและพัฒนาป่าบ้านโปงขึ้น เนื้อที่ 3,686 ไร่ และเนื้อที่ 907 ไร่ โดยได้รับอนุมัติจากกรมป่าไม้ (เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและศึกษาวิจัย ส่งเสริมอาชีพ พัฒนาให้เป็นไปตามแนวพระราชดำริ) ส่งผลให้ในปัจจุบันป่าบ้านโปงเป็นป่าใกล้เมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของชาวเชียงใหม่และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ดูแลร่วมกับชุมชน
แม่โจ้เปิดการสอนหลักสูตรศาสตร์ของพระราชา “การพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั่งยืน” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงได้พระราชทานแนวทางการพัฒนาที่ใช้แนวคิดอันเหมาะสมและสอดคล้องกับภูมิสังคม ซึ่งทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานความคิดเรื่องความพอเพียง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยการสนับสนุนของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศอีกหลายท่าน จึงได้จัดการศึกษาระดับปริญญาโท หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาภูมิสังคมอย่างยั่งยืน ผลิตมหาบัณฑิตที่มีความรอบรู้ทั้งในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อเผยแพร่ให้สังคมเรียนรู้พระราชปรัชญา แนวพระราชดำริของพระองค์ท่าน อันนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ถือได้ว่ามหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรก และแห่งเดียวที่เปิดหลักสูตรที่น้อมนำองค์ความรู้ศาสตร์ของพระราชาอย่างเป็นรูปธรรม จากต้นน้ำด้วยศาสตร์ของพระราชาถึงกลางน้ำ แม่โจ้รับสนองงานต่อยอดสู่ปลายน้ำส่งเสริมพัฒนาสร้างอาชีพความยั่งยืนให้เกษตรกร